“ชินวรณ์” ขอนอนพักผ่อนร่างกาย 1-2 วัน ยังไม่คิดตัดสินใจยื่นร้องคัดค้าน “ลูกเขย” ชนะเลือกตั้งซ่อม
(28 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 โดยเมื่อวานนี้เปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. มีผู้ออกมาใช้สิทธิอย่างต่อเนื่องและผลการนับคะแนนปรากฏว่านายก้องเกียรติ เกตุสมบัติ ผู้สมัครพรรคกล้าธรรม เบอร์ 5 ชนะการเลือกด้วยคะแนนท่วมท้นเกือบ 40,000 คะแนน ในขณะที่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ผู้สมัคร เบอร์ 2 จากพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นพ่อตาของนายก้องเกียรติ แม้เคยเป็นแชมป์ในเขตนี้เคยมีคะแนนติดท็อปเทนการเลือกตั้งเกือบทุกครั้งในเที่ยวนี้ได้คะแนนแค่ 4,000 กว่าคะแนนเท่านั้น
หลังทราบผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อม สส.และทีมงานพรรคกล้าธรรมร่วมแถลงข่าวประกาศชัยชนะสามารถปักธงพรรคกล้าธรรมในพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างยิ่งใหญ่ ในขณะที่นายก้องเกียรติ เกตุสมบัติ กล่าวขอบคุณประชาชนในเขตเลือกตั้ง ที่ 8 และระบุว่าแม้จะมีข่าวการใช้กระสุนในการเลือกตั้งแต่กระสุนอย่างเดียวคงทำให้ชนะการเลือกตั้งไม่ได้ จะต้องมีความผูกพันกับประชาชนอย่างต่อเนื่องด้วย
ในขณะที่กระแสการวิพากวิจารณ์ของประชาชนในเขตเลือกตั้งและทั่วไปมองว่าจะต้องมีการปฏิรูป กกต.เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถบริการจัดการให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ มีการทุจริตซื้อเสียงกันอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้มีการทุ่มเงินซื้อ เสียงสูงถึง 1,500-2,000 บาท/คน แต่ กกต.ไม่สามารถตรวจสอบจับกุมได้ และอ้างว่าเป็นเพียงกระแสข่าวลือ กกต.จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการทำลายระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยในเมืองไทย หากปล่อยให้การเมืองเป็นไปในลักษณะนี้จะสร้างความเสียหายต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง คนที่ยึดมั่นในแนวทางการเมืองสีขาวหรือการเมืองสุจริต จะไม่มีที่ยืนในสภาและในสังคมไทย โดยในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อม เขต 8 นครศรีธรรมราช นายชวน หลักภัย อดีตนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงประธาน กกต.เรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้เงินซื้อเสียงอย่างจริงจัง ซึ่งจัวนายชวน เองได้นำทีมลงพื้นที่ช่วยนายชินวรณ์ หาเสียงด้วยตนเองต่อเนื่อง

ประเด็นที่มีการจับตาติดตามกันมากที่สุดคือการร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่จับต้องมาที่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ เพราะในครั้งที่แล้วยื่นร้องจนนางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล หลุดจากเก้าอี้จน กกต.ต้องประกาศเลือกตั้งใหม่ อีกทั้งเคยร้องนายเทพไท เสนพงศ์ กรณีการเลือกนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ที่นายมาโนช เสนพงศ์ น้องชายนายเทพไท ชนะนายพิชัย บุณยเกียรติ น้องชายนายชินวรณ์ จนทั้งนายเทพไท และนายมาโนช หลุดจากตำแหน่งและยังโดนคดีอาญา จำคุก 2 ปี อีกด้วย ซึ่งในครั้งนี้นายชินวรณ์ หรือทีมงานจะยื่นร้องคัดค้านการเลือกตั้งอีกหรือไม่ เพราะนายก้องเกียรติ ผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสามีของ “กำนันชุ” ชุตินธร บุณยเกียรติ กำนัน ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง โดย “กำนันชุ” ลูกสาวของชินวรณ์ บุณยเกียรติ หากนายชินวรณ์ ยึดมั่นในความถูกต้องหรือการเมืองสุจริตจริงตามที่ประกาศก็ต้องยื่นร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่นายก้องเกียรติ ลูกเขยชนะเลือกตั้ง หากไม่ยื่นร้องคัดค้านก็ต้องตอบกับสังคมให้ได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใดที่ไม่ร้องคัดค้านเนื่องจากผู้ชนะ เป็นลูกเขยตัวเองใช่หรือไม่ หากยื่นร้องคัดค้านก็จะถูกโจมอย่างหนักว่า “ขี้แพ้ชวนตี”
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวเดินทางไปขอสัมภาษณ์นายชินวรณ์ที่บ้านพัก ใกล้สถานีรถไฟคลองกุย อ.ช้างกลาง ว่าจะมีการยื่นร้องคัดค้านหรือไม่แต่ได้รับแจ้งจากคนใกล้ชิดว่านายชินวรณ์ ขออนุญาตนอนพักผ่อนสัก 1-2 วันเนื่องจากเหน็ดเหนื่อยกับการทุ่มเทหาเสียงต่อเนื่องเกือบ 30 วัน โดยคนใกล้ชิดให้ความเห็นว่าคนที่ยื่นร้องคัดค้านการเลือกตั้งควรจะเป็นนายไสว เลื่องสีนิล ที่ได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 2

ในส่วนของนายชินวรณ์ และพรรคประชาธิปัตย์ จะรอติดตามความเคลื่อนไหวอีกระยะและมอบหมายให้นายชวน หลีกภัย ผู้เฒ่าแห่งพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ดำเนินการเพราะได้ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.ไปก่อนหน้าแล้วพร้อมประกาศว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และจะพุ่งป้าไปที่ กกต.ไม่เน้นไปที่ตัวผู้สมัครทุกคน โดยมีข่าวว่าแกนนำพรรคประชาธิปัตย์จะล่ารายชื่อประชาชน 20,000 รายชื่อเพื่อยื่นร้องถอดถอน กกต.อีกด้วย
อย่างไรก็ตามก่อนนอนพักผ่อนนายินวรณ์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กพร้อมภาพประกอบว่า วันที่ 28 เม.ย 68 ระหว่างภาพประทับใจกับคะแนนบริสุทธิ์ มีคนถามผมมาว่า มันเกิดอะไรขึ้นในเขต8 นครศรีธรรมราช ??? ผมไม่อยากพูดถึงแล้ว แต่มีหลายคนบอกผมว่า เพราะ 2 พรรคธุรกิจการเมืองใช้อำนาจรัฐเป็นฐาน และเกทับกันจ่ายเป็นรายหัวจาก 1,000 บาทในวันที่ 24 เป็น 1,500 บาทในวันที่ 25 และท้ายสุดเป็น 2,000 บาทในคืนวันที่ 26 เม.ย จนถึงวันที่ 27 เม.ย พรรคหนึ่งตั้งเป้า 4 หมื่นคะแนน ซื้อ 7 หมื่นคะแนน 70 ล้านบาท รวมค่าบริการจัดการไม่อั้นอีก30ล้านบาท เป็น100ล้านบาท อีกพรรคหนึ่ง ตั่งเป้า3 หมื่นคะแนนซื้อ 4 หมื่นคะแนน 40 ล้านบาท ค่าบริหารจัดการไม่อั้น 30 ล้านบาท เป็น 70 ล้านบาท ซื้อจนถึงหน้าหน่วยเลือกตั้ง มีพลเมืองดีหลายคนโทรไปแจ้ง กตต. บอกที่เกิดเหตุแต่กลับงีบ โดยเฉพาะหัวหน้าชุดสืบสวนไม่เคยรับสายครับ
“นี้คือความจริงที่ กกต. เท่านั้นที่ไม่รู้ครับ มันจึงไม่มีคะแนนทีเหลือให้กับฝ่ายการเมืองสุจริตเลยงัยครับ ดีน่ะครับยังเว้นหมู่บ้านของผมไว้ให้ 2 หมู่ ครับไม่นั้นภรรยาผมอาจจะได้กินเหยื่อด้วย ผมจะรอดูผลงานของ กกต.ต่อไปครับผมขอกราบขอบพระคุณคะแนนบริสุทธิ์ด้วยหัวใจจริง ๆ ครับ”
สำหรับการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งแทน นางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล พรรคภูมิใจไทย ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และสั่งชดใช้ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วยอีก 8,483,846.05 บาท เนื่องจากกระทำการทุจริตซื้อเสียง

ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช
28 เม.ย. 2568