ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวอุบัติเหตุ

เปิดใจสองสาวน้อย “แหลมตะลุมพุก”สงสารพ่อแม่ผู้ปกครองสู้ภัยพิบัติคลื่นยักษ์-วิงวอนนายกฯ “อุ๊งอิ๊ง”สะใภ้เมืองคอนเมตตาช่วยเหลือด่วน-เร่งก่อสร้างแนวคันกันคลื่นในจุดที่เหลือ 8 กม.ก่อน”แหลมตะลุมพุก”ถูกตัดขาดจากแผ่นดินใหญ่

จากกรณีเกิดสถานการณ์ทะเลคลื่นลมแรงประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูงบริเวณชายฝั่งทะเล ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ 4 ตำบลได้แก่ ตำบลแหลมตะลุมพุก ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก ตำบลท่าพยา และตำบลขนาบนาก ได้รับความเดือดร้อน เส้นทางสายหลัก(สายปากพนัง – หัวไทร) , (ปากพนัง – แหลมตะลุมพุก) มีน้ำท่วมขังและเศษขยะในทะเลเกลื่อนถนน เป็นช่วง ๆ มีการช่วยเหลืออพยพประชาชนผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ในขณะที่แกนนำชาวบ้านเรียกร้องขอรัฐบาลเร่งสร้างแนวคันกั้นคลื่น ที่ยังค้างๆอีก 8 กิโลเมตรระหว่าง ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออกถึงตำบลแหลมตะลุมพุก โดยพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่ง ที่มีการก่อสร้างแนวกันกันคลื่นสมัยรัฐบาล คสช.ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง เหมือนพื้นที่ที่ไม่มีแนวกั้นคลื่น 8 กิโลเมตร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
(14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ 4 ตำบลของอำเภอปากพนังโดยเฉพาะตำบลแหลมตะลุมพุกและตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก ยังได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนและคลื่นยักษ์พลัดกะเซาะตลอดแนวชายฝั่ง โดยในพื้นที่ยังพบร่องรอยความเสียหายของบ้านเรือนและผลอาสิน ที่ถูกทะเลกลืนหายไปในสายน้ำ ในขณะที่ คลื่นยักษ์พัดพาเอาขยะพร้อมสิ่งปฏิกูลจำนวนมากขึ้นมาจากทะเลมาทับถมอยู่บนถนน โดยนายกิตติพงษ์ รองเดช นายอำเภอปากพนัง ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องจักรกลเข้าเก็บกวาดเคลียร์พื้นที่ผิวการจราจร และเปิดให้มีการจราจรได้ตามปกติ


จากการสำรวจพบว่าประชาชนในพื้นที่พากันนั่งจับกลุ่มปรับทุกข์พูดคุยปรึกษาหารือถึงแนวทางในการ ดำรงชีวิตอยู่อาศัย ในพื้นที่ท่ามกลางความสูงเทียมต่อเนื่องทุกปี โดยทุกคนมีสีหน้าและอาการเคร่งเครียด และมีความวิตกกังวลกับสิ่งที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะในช่วงมรสุมข้ามปีระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เมษายน ในขณะที่ที่ดิน ของแต่ละรายถูกคลื่นซัดกัดเซาะกลายเป็นทะเลเหลือพื้นที่ลดน้อยลงเรื่อย ๆ โดยในจุดที่แคบที่สุดเหลือเพียงระยะแค่ 40 เมตรเท่านั้นและเชื่อว่าอีกไม่เกิน 1-2 ปี คลื่นยักษ์จากพลัดกัดเซาะตัดขาดแหลมตะลุมพุกในช่วง “บ้านแหลม” หมู่ 3 ตำบลแหลมตะลุมพุก ตัดขาดจากพื้นแผ่นดินใหญ่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างแน่นอน
เด็กหญิงเพลงไพลิน เอี่ยมสุด อายุ 14 ปีบ้านอยู่หมู่ 2 ตำบลแหลมตะลุมพุก และ เด็กหญิงนาตาชา ศาสน์ประดิษฐ์ 14 ปี บ้านอยู่หมู่ 2 ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเรียนชั้น ม 2 และเป็นเพื่อนกันเดินทางมาติดตามสถานการณ์คลื่นยักษ์พัดถล่มกัดเซาะและน้ำทะเลหนุน จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยพบว่าในจุดที่มีการก่อสร้างแนวคันกั้นคลื่นในระหว่างปี 2558 -2559 ไม่ได้รับผลกระทบมากนักชาวบ้านสามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพได้ตามปกติ แต่ในขณะที่ในจุดซึ่งยังไม่มีการก่อสร้างแนวคันกันคลื่นได้รับผลกระทบอย่างหนักบ้านพังเสียหาย พื้นดินผลอาสินถูกคลื่นพัดถล่มกัดเซาะจนพังเสียหาย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของทะเลไปโดยปริยาย


“หนูสงสารพ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นอย่างมากที่ต้อง เผชิญกับภัยพิบัติในแต่ละปีๆละหลายครั้ง โดยไม่รู้จะช่วยเหลือพ่อแม่ผู้ปกครองได้อย่างไร ซึ่งในช่วง อายุ 7-8 ขวบ ได้เห็นมีการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นโดยใช้หินเรียงเป็นแนวทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ซึ่งเขาเรียกกันว่า”แหลมตะลุมพุกโมเดล” โดยเท่าที่ทราบมีการดำเนินการตลอดแนวชายฝั่งอำเภอปากพนังไปจนถึงอำเภอหัวไทร แต่กลับเว้นไว้หลายกิโลเมตรในช่วงตำบลปากพนังฝั่งตะวันออกกับตำบลแหลมตะลุมพุก โดยเมื่อเกิดภัยพิบัติคลื่นยักษ์พัดถล่มและน้ำทะเลหนุน ในจุดที่มีแนวคันกันคลื่นได้รับผลกระทบน้อยมาก ในขณะที่ ในจุดซึ่งไม่มีแนวคันกั้นคลื่นได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง บ้านเรือนพังเสียหาย บ้านบางหลังรวมทั้งต้นมะพร้าวและผลอาสินอื่น ๆ ถูกคลื่นกลืนหายไปในทะเล พวกผู้ใหญ่เขาบอกว่าภายใน 1-2 ปี “แหลมตะลุมพุก”จะถูกตัดขาดจากแผ่นดินใหญ่จริงหรือไม่W
สองเด็กหญิงชาวแหลมตะลุมพุก ยังกล่าวอีกว่า ตามปกติพวกหนูและชาวแหลมตะลุมพุกต่างดำรงชีวิตอยู่อย่างยากลำบากกว่าชาวบ้านในพื้นที่อื่น ๆ อยู่แล้ว หากสถานการณ์ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ พวกหนูคงดำรงชีวิตอย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้น และในอนาคต เมื่อหนู โต ขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าจะมีผืนแผ่นดินแหลมตะลุมพุกให้พวกหนูได้อยู่อาศัยสืบทอดต่อไปหรือไม่ หากเป็นไปได้อยากวิงวอนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งทราบว่าท่านเป็นสะใภ้ของเมืองนครศรีธรรมราช โปรดเมตตายื่นมือเข้ามาแก้ไขปัญหาช่วยเหลือพวกเราชาวแหลมตะลุมพุกด้วยเถิด พวกหนูเชื่อว่าหากมีการก่อสร้างแนวคันกันคลื่นในจุดที่ยังว่างเว้นอยู่ปัญหาคลื่นยักษ์ซัดกัดเซาะจะหมดไป ซึ่งอาจจะยังมีปัญหาเรื่องน้ำทะเลหนุน ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่พวกเราชาวแหลมตะลุมพุกสามารถปรับตัวอยู่กับมันได้ไม่ยาก สองเด็กหญิงชาวแหลมตะลุมพุก กล่าวอย่างมีความหวังในที่สุด


ไพฑูรย์ อินศิลา/ นครศรีธรรมราช
14 ม.ค.2568

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *