ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทั่วไทย

Just another WordPress site

ข่าวทัวไป

แฉนายทุนใหญ่บงการโค่นไม้ยักษ์ป่าสงวนฯส่งขายโรงเลื้อยส่วนพื้นที่ปลูกปาล์ม,ทุเรียนและยางพารา-กำนัน”บ้านลำนาว”ประกาศปกป้องพื้นป่าต้นน้ำบ้านน้ำนิ่ง อ.บางขัน


จากกรณีชาวบ้าน อ.บางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช ร้องเรียนและโพสต์ภาพ/ข้อความในโซชี่ยลอยากทราบความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ “บ้านน้ำนิ่ง” หมู่ 5 ตำบลลำนาว อำเภอบางขันโฉลงแปลงแรก กว่า 95 ไร่ แปลงที่ 2 จำนวนกว่า 173 ไร่เศษ รวมพื้นที่กว่า 268 ไร่ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.พ.2568 การสอบสวนขยายผล ไปถึงไหน และสามารถจับกุมผู้บุกรุกได้บ้างหรือไม่อย่างไร หรือเรื่องจะเงียบหายเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จนผืนป่าในพื้นที่อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช เหี้ยนเตียน เป็นภูเขาหัวโล้น ในที่สุดทั้งหมดก็กลายเป็นพื้นที่ของผู้มีอำนาจและนายทุนไปโดยปริยาย…ในขณะที่ชาวบ้าน ที่ยากจนหาเช้ากินค่ำ เตะนิดเตะหน่อย โดนจับกุมดำเดินคดีติดคุกหัวโต…น่าสงสาร..!!!
(9 มี.ค.) นายสมเกียรติ รัตนบุรี กำนันตำบลบ้านลำนาว อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยและออกมาต่อต้านกับกระบวนการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า ยึดครองทำกิน ปลูกผลนาสินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าวซึ่งเป็นป่าต้นน้ำด้วยการออกมาต่อต้านการทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติอาจจะเกิดความขัดแย้งกับกลุ่มผู้นำในท้องที่ตนไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเรื่องการรักษาทรัพยากรธรรมชาติเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องช่วยกันดูแลรักษา โดยตนได้ประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ อย่างต่อเนื่องเมื่อพบการกระทำผิดก็จะทำรายงานถึงอำเภอและผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น


โดยล่าสุดทางคณะพนักงานสอบสวนของสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 8 สำนักงาน ป.ป.ช.นครศรีธรรมราช ตำรวจ สภ.บางขัน สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 (นครศรีธรรมราช ) ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อบันทึกหลักฐานและเชื่อมโยงการสืบสวนไปหากลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.สืบเนื่องจากการร้องเรียนพบว่าการบุกรุกแผ้วถางตัดโค่นไม้ และปรับเปลี่ยนพื้นที่ โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐอย่างน้อยจาก 3 หน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้องเอื้อให้มีการบุกรุก สำหรับการจับกุมแปลงล่าสุด 173 ไร่ เศษ นั้น คาดว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป.ป.ช และเจ้าหน้าที่ สำนักงานป่าไม้ได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบและเรียกผู้ใหญ่บ้าน ในตำบลบ้าลำนาวคนหนึ่งมาสอนสวนเอาผิดตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว
ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าพื้นที่แปลงที่ถูกบุกรุกล่าสุดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าหน้าไซ-ป่านาปู หมู่ที่ 5 บ้านน้ำนิ่งตำบลบ้านลำนาว อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกบุกรุกแผ้วถาง ตัดโค่นไม้จำนวนมากมีเนื้อที่มากถึง 174 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ถูกยืนยันว่าเป็นสภาพป่าสมบูรณ์ มีการปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่แล้วรวม 623 ต้น ยึดไม้ซุงจำนวน 81 ท่อน เป็นไม้ต้องห้าม ไม้เนื้อแข็งประจำถิ่นมีปริมาตรรวม 166.26 ลุกบาตรเมตร มีราคาตลาดสูงกว่า 1.8 ล้านบาท การตรวจยึดแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 โดยครั้งนั้นยึดรถแบ็คโฮที่กำลังปรับพื้นที่ได้ 1 คัน พบว่าเป็นรถของรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง ของกลางทั้งหมดถูกตรวจยึด ซึ่งในขณะเข้าจับกุมตรวจยึดผู้ต้องหาในพื้นที่ได้หลบหนีไปได้
นอกจากนั้นยังพบว่ามีกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น-ผู้บริหารท้องถิ่นจากในพื้นที่นครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียงเข้าไปมีส่วนร่วมในการแสวงหาประโยชน์จากการนำเอาเครื่องจักรกลไปรับจ้างและการประสานงานนำไม้ซุงส่งขายโรงเลื่อยในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและชุมพรส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังพบข้อมูลเป็นนายทุนในระดับมหาเศรษฐีเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงสังคมนครศรีธรรมราช และกระบี่ โดยพนักงานสืบสวนของ ป.ป.ช.มุ่งเป้าการสืบสวนสอบสวนไปยังเจ้าหน้าที่ นักการเมืองท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนผู้รับผิดชอบรักษาพื้นที่โดยตรงคือหน่วยป้องกันรักษาป่าในพื้นที่นายกำธร สุวรรณเวช ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 ได้มีคำสั่งย้ายหัวหน้าหน่วยออกจากพื้นที่และคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ
โดยเจ้าหน้าที่ได้ปักป้ายตรวจยึด “พื้นที่แปลงตรวจยึดด่าเนินคดี ตามกฎหมายว่าด้วยการป้าไม้ เนื้อที่ 173 – 1 – 62 ไรท้องที่บ้านน้ำนิ่ง หมู่ 5 ตำบลบ้านลำนาว อำเกอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช ตาม ปจว.ข้อ.2 เวลา 20.08 น. คดีอาญาที่ 38/2568 ยึดทรัพย์ที่ 26/2568ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568” พบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการทำลายทรัพยากรป่าไม้ แจ้งหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นศ.5 (บางขน) โทร0640653535

ในขณะที่แกนนำชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวว่า กระบวนการบุกรุก ป่าสงวน แห่งชาติ ในตำบลบ้านลำเนาอำเภอบางขันจังหวัดนครศรีธรรมราชมีมานานแล้วไม่ใช่เฉพาะแค่แปลงนี้แปลงเดียว มีการลำเลียงชักลาก ขนไม้ซุงยักษ์ขนาดหลายคนโอบยาว 4-6 เมตรลงมาจากป่าและภูเขาก่อนจะบรรทุกรถวินขนาดใหญ่โดยมีผู้ใหญ่บ้านและเต้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจเซ็นกำกับไม้ทุกท่อนเป็นใบเบิกทางในการเคลื่อนย้ายไปโรงเลื่อยในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและชุมพร ส่วนพื้นที่บถกรุกก็จะไถปรับปลูกยางพารา ทุเรียนและปาล์มน้ำมัน
“อยากให้รัฐบาลสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกและยึดคืนทุกแปลงพร้อมดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดจริงจัง เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการจับกุมหลายแปลงแค่เรื่องก็เงียบหายผ่านไป1-2 ปีพบพื้นที่ปลูกทุเรียนยางพาราหรือปาล์มต้นใหญ่แล้ว เป็นแบบนี้มาโดยตลอด อาทิ แปลง 95 ไร่ของอดีตผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในตำบลบ้านลำนาวที่เกษียณอายุและปัจจุบันลูกสาวขึ้นเป็นผู้ใหญ่บ้านแทนโดนจับก่อนแปลง 163 ไร่แต่เรื่องเงียบไม่มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจยึดปักป้ายเหมือนแปลง173ไร่ ตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านและอดีตผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นพ่อปลูกปาล์มเต็มพื้นที่แล้ว” แกนนำชาวบ้านกล่าว

ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช
9 มี.ค.2568

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *