อธิบดีกรมประมงดอดให้กำลังใจ จนท.ระดมกำลังไล่ล่ากำจัด”ปลาหมอคางดำ”- ตัวแทนเกษตรกรแฉ“หลอกดอก”ปกปิดเป็นความลับก่อนบุกยื่นหนังสือร้องเรียนจนได้

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 เมษายน 2568 นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง พร้อมด้วยนายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง นายอำนวย คงพรหม นายพัฒนพงศ์ ชูแสง ผู้ตรวจราชการกรมประมง นายกอบศักดิ์ เกตุเหมือน ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช และนายจิตต์กร เรืองกูล ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลสงขลา ลงพื้นที่บริเวณคลองธรรมชาติ ตำบลขนาบนาค อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กรมประมงในการออกไล่ล่ากำจัดปลาหมอคางดำที่แพร่ระบาดในแหล่งน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นไปตามแผนปฏิบัติการภายใต้มาตรการที่ 1 คือ การเร่งกำจัดปลาหมอคางดำจากแหล่งน้ำ เพื่อลดการแพร่กระจายของจำนวนประชากรปลาหมอคางดำให้ได้มากที่สุด หลังจากประชาชนในพื้นที่ถ่ายภาพ/คลิปโสต์ในโซเชี่ยล จนกลายเป็นกระแสความสนใจและวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวาง จนอธิบดีกรมประมงจัดงบประมาณและได้สั่งการเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้ออกปฏิบัติงานจับปลาหมอคางดำในคลองธรรมชาติ ในเขตลุ่มน้ำปากพนังตั้งเเต่วันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา และสามารถกำจัดปลาหมอคางดำได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะลดความชุกชุมของปลาหมอคางดำบริเวณดังกล่าวได้ในเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตามในโอกาสเดียวกันนี้นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ สมาชิกสภาเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช เขต อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมนายโสภณ จันทร์คล้าย ตำบลคลองน้อย นายวุฒิศักดิ์ ดวงศิริ อดีตกำนัน ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก และนางดลพร เหลารัตนา หรือเจ้บี ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก ทั้งหมดเป็นตัวแทนผู้ประสบภัยน้ำท่วม บ่อเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลาที่ไม่ได้รับการอนุมัติจ่ายเงินเยียวยาความเสียหายจากน้ำท่วม ได้เดินทางบุกเข้ายืนหนังสือร้องเรียนกับอธิบดีกรมประมง โดยแต่ละคนอยู่ในอารมณ์เดือดดาน และชี้แจงบอกกล่าวกับอธิบดีถึงการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ประมงในพื้นที่ และสร้างความแตกแยกจนในปัจจุบันประชาชนและผู้นำท้องที่ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านประกาศไม่ให้ความร่วมมือใด ๆกับเจ้าหน้าที่ประมงที่ลงมากำจัดปลาหมอคางดำ และอื่น ๆ

นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ กล่าวว่า ตนเป็นคนแรกที่ออกมาเรียกร้องและเปิดเผยเรื่องปลาหมดคางดำ ตั้งแต่ยังแพร่ระบาดไม่มากนัก และร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดกิจกรรมไล่ล่ากำจัดปลาหมอคางดำ 2-3 ครั้งตามที่เป็นข่าวทางสื่อมวลชน แต่การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ประมงไม่จริงจังไม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ปลาหมอคางดำแพร่ระบาดในพื้นที่อย่างกว้างขวางจนลุกลามไปยัง อ.หัวไทร และ อ.เชียรใหญ่ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนถ่ายภาพ คลิปโพสต์ในเฟซบุ๊คเพื่อเรียกน้องความช่วยเหลือและแจ้งสถานการณ์ปลาหมอคางดำแพร่ระบาด กลับถูกเจ้าหน้าที่ประมงเข้ามาข่มขู่คุกคาม จะเอาผิดจะดำเนินคดีกับชาวบ้าน และสั่งให้ลบภาพลบคลิปในโซเชี่ยล จนชาวบ้านและกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเอือมระอากับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ และประกาศตัดขาดไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ กับเจ้าหน้าที่ประมงอีกต่อไป กรมประมงแถลงข่าวว่าแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำได้แล้ว 70 เปอร์เซนต์ขัดกับข้อเท็จจริงชัดเจน ถ้าบอกว่ามันเพิ่มขึ้นกว่าเดิม 70 เปอร์เซนต์อันนี้รับฟังได้

“เรื่องเงินเยียวยากรมประมงเนื่องจากเกษตรกรที่เลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้งได้รับความเดือดร้อน เสียหายจากน้ำท่วมแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่การแจ้งมีรายละเอียดมากมายหลายขั้นตอนซึ่งยากที่เกษตรกรจะปฏิบัติได้ จนแต่ละรายทางกำนันผู้ใหญ่ในพื้นที่อนย่างวน้อย 5 คนเซ็นรับรองความเสียหายเพื่อประกอบหลักฐานยื่นขอความช่วยเหลือตามที่กรมประมงกำหนด แต่ปรากฏว่าเกษตรกรถูกตัดไปกว่า 1,000 ราย อย่างไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม ซึ่งเกษตรกรเฉพาะใน อ.ปากพนัง จะรวบรวมประท้วงเรียกร้องขอความเป็นครั้งใหญ่ในวันที่ 22 เม.ย. นี้ และจะไม่ยอมรับฟังข้ออ้างขอแก้ตัวของประมงในพื้นที่อย่างเด็ดขาด”
นายไพโรจน์ กล่าวต่อไปอีกว่า การที่ชาวบ้านถ่ายคลิป/ภาพการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ มาโพสต์ในโลกโซเชี่ยลจนกลายเป็นกระแสในวงกว้างจนทางกรมประมงอนุมัติงบประมาณเพื่อกำจัดปลาหมอคางดำในพื้นที่ 80 ล้าน และทางบริษัทซีพีได้สนับสนุนกากชาให้โปรยหว่านกำจัดปลาหมอคางดำ และเจ้าหน้าที่ลงดำเนินการอยู่ในขณะนี้ จนท่านอธิบดีกรมประมงเดินทางมาให้กำลังเจ้าหน้าที่ในวันนี้ก็มีการปกปิดเป็นความลับ ไม่แจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการแจ้งหลอกว่าอธิบดีจะมาวันโน้นวันนี้ เมื่อวาน(18 เม.ย.) ปล่อยข่าวบอกว่าจะมาที่ อ.ท่าศาลา ตนพร้อมเกษตรกรเหมารถไปท่าศาลา เมื่อไปถึง ต.ปากพูน อ.เมือง จึงไกด้รับการยืนยันว่าอธิบดีประมงไม่มา พวกเราจึงเดินทางกลับและพยายามเช็คตรวจสอบ เช็คข่าวกันว่าอธิบดีประมงจะมาที่ไหน วันใดกันแน่ โดยไม่แน่ใจว่า ผู้ว่า ฯ หรือนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทราบกำหนดการของอธิบดีกรมประมงหรือไม่ จนกระทั้งวันนี้อธิบดีกรมประมงเดินทางมาขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำปากพนังแล้ว นายอำเภอเพิ่งทราบว่าท่านเดินทางมาที่ ต.ขนาบนาค อ.ปากพนัง จึงสั่งการให้ปลัดอาวุโสไปต้อนรับ ในขณะที่พวกเรารีบแห่เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ปกปิด “หลอกดอก”ไม่ให้เกตรกรรู้เกรงเกษตรกรจะเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ท่านอธิบดีรับรู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนั้นอธิบดีประมงและคณะได้เดินทางไปพบปะกับผู้ประกอบการประมงคราดปลิงที่ได้รับอนุญาตทำการประมงจากกรมประมง พร้อมพูดคุยถึงแนวทางการจัดการทรัพยากร และขั้นตอนการทำประมงคราดปลิง เพื่อศึกษาและเก็บข้อมูลการทำประมงเนื่องจากเป็นเครื่องมือประมงประเภทล่าสุดที่มีการอนุญาตให้ทำการประมงราชอาณาจักรไทย และปัจจุบันประเทศไทยมีเรือประมงคราดปลิงที่ได้รับอนุญาตให้ทำการประมง เพียง 41 ลำเท่านั้น

ไพฑูรย์ อินทศิลา /นครศรีธรรมราช
19 เม.ย. 2568