ผู้ใหญ่บ้านกระดูกเหล็กไลฟ์สดแฉผู้บริหาร อปท.มากบารมีทุจริตมโหฬารพันล้านบาท-แถมแอบตีท้ายครัวจนครอบครัวพังพินาศ-เผย 4-5 ปีเหมือนตายทั้งเป็นตัดสินใจลุกขึ้นสู้ส่งเรื่องร้องเรียนทุกหน่วยงานแต่เรื่องเงียบจึงไลฟ์สดแฉพฤติกรรม”ชิงหมาเกิด”
(25ม.ค.) จากกรณีที่เพจ Facebook ของ”นายพรชัย ศิริวรรณ์” ซึ่งทราบว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลนาสารอำเภอพระพรหมจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยคนทั่วไปรู้จักในนาม”ผู้ใหญ่กุ้ง” อายุ 53 ปี ได้ ออกมาไลฟ์สด 5-6 คลิปต่อเนื่องระหว่างวันที่ 11-21 มกราคม 2568 ที่ผ่านมาโดยมีการระบุเหตุการณ์เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัวตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีลำดับเรื่องราวเหตุการณ์ตั้งแต่ถูกผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งในอำเภอพระพรหม ซึ่งเป็นคนที่ตนให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก โดย ในระยะหลัง ๆ มาทราบว่าผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากบารมีคนดังกล่าว แอบตีท้ายครัวตนเอง และพยายามจะใส่ร้ายป้ายสีลดเครดิตลดความน่าเชื่อถือของตน จนคนในสังคมทั่วไปมองว่าตนเองเป็นคนไม่ดี เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและเสพยาเสพติดจนประสาทหลอน กลายเป็นคนเฉือนหรือวิกลจริตไม่อยู่กับพระร่องกับรอย จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและ ปปส.ภาค 8 มาทำการสวดต่อสวดปัสสาวะนับ 10 ครั้งแต่ไม่พบสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด

ในคลิปยังระบุอีกว่าในระยะเวลา 4-5 ปีหลังตนเองอยู่ในสภาพเครียดอย่างหนักเหมือนไก่ทั้งเป็นเนื่องจากครอบครัวแตกแยกแม้แต่ญาติพี่น้องก็มองตนในด้านลบ รู้สึกโดดเดี่ยวหมดหนทางแก้ไขปัญหาชีวิตจนแทบจะดำรงชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ โชคดีที่ใช้หลักธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า มาบอกเป็นแนวทางในการปฏิบัติและยึดเหนี่ยว จิตใจจนสามารถผ่าน พ้นวิกฤตของชีวิตมาได้ และไปพบข้อมูลเอกสารหลักฐานการก่อสร้าง ในโครงการต่างๆขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้มากบารมีเป็นผู้บริหารสูงสุดได้นำห้างหุ้นส่วนจำกัดของตนไปรองรับการรับเหมางานโครงการต่าง ๆขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังกล่าวนับร้อยรายการรวมเป็นเงินหลายพันล้านบาท โดยที่ตนไม่ได้รับรู้หรือเซ็นอนุญาตแต่อย่างใด แต่ใช้วิธีการปลอมแปลงลายเซ็นของตนมาโดยตลอด ซึ่งถือเป็นการทุจริตคอรัปชั่นงบประมาณของแผ่นดินสร้างความร่ำรวยให้กับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้มากบารมีคนดังกล่าวอย่างมาก จนในที่สุดตนจึงตัดสินใจลุกขึ้นสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วยการร้องเรียนการทุจริตคอรัปชั่นไปถึงอำเภอพระพรหม และจังหวัดนครศรีธรรมราชแต่ส่วนใหญ่เรื่องก็ยังเงียบหาย และล่าสุดได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานปปชสำนักงานใหญ่ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมทั้งถึงนายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตน แต่จนถึงขณะนี้เรื่องก็ยังเงียบหาย ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จึงตัดสินใจ ไลฟ์สดในเพจ facebook ส่วนตัวมาตั้งแต่วันที่ 11-21 มกราคม 2568 ตามลำดับ จนในระยะหลัง ๆ มีผู้เข้ามาติดตาม กดไลค์กดแชร์และแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง”
ต่อมานายพรชัย ศิริวรรณ หรือ”ผู้ใหญ่กุ้ง” ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์และเรื่องราวตามที่ไลค์สดในเพจ Facebook ส่วนตัวของตนเองว่า ถึงเวลาที่ตนต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรีของตนเองและปกป้องผลประโยชน์ของแผ่นดินทุกอย่างทุกคำพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชีวิตและครอบครัวของตนมีอยู่ 2 เรื่อง ในเรื่องแรกเป็นเรื่องที่ตนให้ความสำคัญเป็นลำดับมากที่สุดคือการทุจริตคอรัปชั่นงบประมาณของแผ่นดิน โดยการนำบริษัทของตนไปปลอมแปลงลายเซ็นในทุกกระบวนการทุกขั้นตอน นำไปรับเหมางานก่อสร้างขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้บริหารมากบารมีคนดังกล่าวเป็นผู้บริหารสูงสุด ซึ่งตนถือว่าเป็นการทุจริตคอรัปชั่นโกงกินงบประมาณแผ่นดินต่อเนื่องนับ 10 ปี หลายร้อยโครงการรวมงบประมาณนับพันล้านบาท สร้างความร่ำรวยสร้างชื่อเสียงบารมีให้กับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคนดังกล่าวมาโดยตลอดจนถึงกับประกาศว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในระดับประเทศ เขาจึงรู้ว่าหนทางเดียวที่จะยุติเรื่องคือตนต้องตายสถานเดียวเขาจึงพยายามปอมานับสิบครั้งที่ตามปองร้ายตน จนถึงขั้นวางแผนอุ้มตนไปฆ่าฝังดินบนภูเขา แต่ตนก็รอดมาได้และระมัดระวังตัวมาโดยตลอด เขาเป็นผู้นำที่แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ ไร้จิตสำนึกในความเป็นมนุษย์ ทำชั่วได้ทุกอย่างเรียกได้ว่า”ชิงหมาเกิด” ซึ่งการออกมาเปิดเผยเปิดโปงของตนในครั้งนี้จะกลายเป็นเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุด ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับที่ตนส่งหนังสือร้องเรียนไปให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว ซึ่งตนมีพยานหลักฐานต่าง ๆ มากมายชัดเจนที่เชื่อว่าพยานหลักฐานสามารถมัดตัวผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคนดังกล่าวได้จนดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอน

ส่วนกรณีเรื่องชู้สาวที่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากบารมีคนดังกล่าวกระทำกับครอบครัวตน จนบ้านแตกสาแหรกขาด ในปัจจุบันภรรยาของตนซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งต้องลาออก และตรอมใจล้มป่วยถึงขั้นพยายามกินยาตาย ในขณะนี้ตนต้องทุ่มเทในการดูแลภรรยาอย่างใกล้ชิด แม้เขาจะเคยกระทำผิดแต่ก็พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ
“ความพยายาม กลั่นแกล้งใส่ร้ายป้ายสีโจมตีว่าตนพัวพันกับการค้ายาเสพติดและเสพยาเสพติดจน มีอาการ ประสาทหลอนหรือ”คนเชือน”นั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดเพราะมีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง หากตนติดยาเสพติดหรือวิกลจริตตามที่เขาใส่ร้ายป้ายสีทางผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัดจนไปถึงกระทรวงมหาดไทย จะปล่อยให้ตนดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลนาสารอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร และตนขอท้าให้มีการตรวจพิสูจน์ทุกเวลา และอยากให้มีการตรวจสอบเรื่องการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งสองฝ่ายทั้งตนและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากบารมีคนดังกล่าวด้วยจะได้รู้กันว่าใครกันแน่ที่เกี่ยวข้องพัวพันกับยาเสพติดกันแน่ ”
นายพรชัย หรือ”ผู้ใหญ่กุ้ง” กล่าวอีกว่าตนทำหนังสือรายงานข้อเท็จจริงและร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ขอให้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตน ที่ถูกกระทำย่ำยีกลั่นแกล้งจากผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้มากมากบารมีคนดังกล่าวที่ประกาศชัดเจนว่าเขามีอิทธิพลมีบารมีกว้างขวางระดับชาติใครก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เขามั่นใจว่าเขาเอาอยู่ แต่ตนเชื่อว่าประเทศไทยและเมืองนครศรีธรรมราชเป็นเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งที่ผ่านมาผู้คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังกว้างขวางมากบารมีมากมายหลายคนที่มีพฤติกรรมชั่วช้าก็ยังถูกดำเนินคดีเข้าคุกเข้าตารางหลายคน ในกรณีผู้มากบารมีคนดังกล่าว หากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเอาจริงเอาจังตรงไปตรงมาตนเชื่อและมั่นใจว่าผู้มากบารมีคุณดังกล่าวก็อยู่ลอยหน้าลอยตาไม่ได้แน่นอน ซึ่งตนยืนยันว่าจะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมและทำความจริงให้ปรากฏเป็นเคสกรณีตัวอย่างให้กับสังคมนครศรีธรรมราชจนถึงที่สุดจะไม่มีวันจะยุติเรื่องง่าย ๆ อย่างเด็ดขาด นายพรชัยหรือผู้ใหญ่กุ้ง กล่าวยืนยันหนักแน่นในที่สุด

ไพฑูรย์ อินศิลา /นครศรีธรรมราช
23 ม.ค.256