เปิดช่องทางช่วยเหลือ “ป้าเดือน” คนไทยไร้บัตรประชาชนสุดยากไร้หลังได้พื้นที่สร้างบ้านใน “ชุมชนท่าแพเหนือ”ในเขต ทม.ทุ่งสงคาดใช้งบ 50,000 บาท-วิงวอนผู้ใจบุญช่วยบริจาคสมทบสร้างบ้านให้ป้าเดือนอยู่อาศัยในช่วงบั้นปลายของชีวิต
จากกรณีที่นายกิตติ รัตนบุรี อาชีพค้าขายอยู่ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสงตำบลปากแพรกอำเภอทุ่งสงจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำนางเดือน หรือป้าเดือนอายุประมาณ 60 ปีเศษ เดินทางมาขอรับความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจาก “ป้าเดือน” เป็นคนไทยที่ไร้บัตรประชาชน มีชีวิตอยู่อย่างยากไร้ ไม่เคยได้รับสวัสดิการช่วยเหลือใด ๆ จากภาครัฐแม้แต่น้อยเนื่องจากไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ในปัจจุบันนายกิตติ ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเบื้องต้น ในเรื่องอาหารการกินและส่งเสริมอาชีพให้ขายแหนมและไส้กรอกอยู่หน้าร้านค้าของชำของตัวเอง โดยตามปกติป้าเดือนเช่าบ้านรวมค่าน้ำค่าไฟเดือนละ 1,000 บาท แต่เนื่องจากเจ้าของบ้านได้มีการปรับปรุงบ้านใหม่และขึ้นค่าเช่าเป็นเดือนละ 2,000 บาท ทำให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของป้าเดือนที่จะหารายได้มาให้เพียงพอกับค่าเช่าบ้านและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นายกิตติ จึงคิดว่าจะหาพื้นที่สาธารณะเพื่อสร้างบ้านใหม่หลังเล็ก ๆ ให้ป้าเดือนอยู่อาศัยในช่วงบั้นปลายของชีวิตและเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือป้าเดือนให้มีบัตรประจำตัวประชาชนเหมือนคนไทยทั่ว ๆ ไป เพื่อจะได้รับสวัสดิการจากภาครัฐโดยเฉพาะการรักษาพยาบาล ซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลือในอนาคตบั้นปลายชีวิตจะได้รับความลำบากมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

(27 ม.ค.)นายไพฑูรย์อิ นทศิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโสประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมง เป็นตัวแทนสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชลงพื้นที่ชุมชนท่าแพเหนือตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช พบกับนายกิตติ และป้าเดือนรวมทั้งประธานชุมชนท่าแพเหนือ ก่อนจะร่วมเดินทางไปร่วมตรวจสอบพื้นที่สาธารณะ ซึ่งอยู่ห่างออกไป ประมาณ 500 เมตร โดยเป็นพื้นที่สาธารณะว่างเปล่าที่ทางประธานชุมชนท่าแพเหนือได้ขออนุญาตจากทางเทศบาลเมืองทุ่งสงเพื่อก่อสร้างบ้านหลังเล็ก ๆให้ป้าเดือนอยู่อาศัยต่อไป
นายกิตติ เปิดเผยว่า ตนและครอบครัวได้มาเปิดร้านขายของชำอยู่ในชุมชนบ้านท่าแพเหนือ ศอ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาป้าเดือน ได้มาของานทำพร้อมเล่าประวัติของตัวเองให้ทราบ ในเบื้องต้นตนช่วยเหลือเรื่องอาหารการกินและเงินทองเล็ก ๆ น้อย ๆ และสนับสนุนให้ป้าเดือนมาวางแผนขายแหนม ไส้กรอกลูกชิ้นย่าง บริเวณหน้าร้านขายของชำของตน และจากการสอบถาม ทราบว่าในยามเจ็บป่วยไข้ก็ต้องไปซื้อยาตามร้านขายยามากินรักษาตัวเองตามมีตามเกิด ปัจจุบันป้าเดือนเช่าบ้านบ้านอยู่รวมค่าน้ำค่าไฟเดือนละกว่า 1,000 บาท แต่ในขณะนี้ทางเจ้าของบ้านเขากำลัง ปรับปรุงบ้านใหม่ แล จะปรับราคาค่าเช่าเป็นเดือนละ 2,000 บาท ซึ่งป้าเดือนคงหมดปัญญาที่จะเช่าอยู่อาศัยต่อไปอย่างแน่นอน
“ตนอยากให้ผู้ใจบุญหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ ในการสร้างบ้านหรือกระต๊อบหลังเล็ก ๆ ให้ป้าเดือน บนที่ดินว่างเปล่าในพื้นที่สาธารณะในชุมชนท่าแพเหนือเทศบาลเมืองทุ่งสง โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างไม่เกิน 50,000 บาท จึงขอวิงวอนคนรวยใจดีเศรษฐีใจบุญช่วยบริจาคเงินสมทบทุนในการสร้างบ้านให้ป้าเดือนอยู่อาศัยในช่วงบั้นปลายของชีวิตด้วยเถิด โดยสามารถติดต่อช่วยเหลือผ่านทางศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือตนนายกิตติ รัตนบุรี โทร.084-216-0179 หรือที่ธนาคารกรุงไทย สาขาทุ่งสง ชื่อบัญชี นางหนูเล็ก แส่ย้วน เลขบัญชี 952 070-4396”

ในขณะที่ “ป้าเดือน”กล่าวว่า ตนไม่เคยทราบว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใครอยู่ที่ไหน ทราบจากแม่บุญธรรมที่ชุบเลี้ยงว่าหลังคลอดตนถูกพ่อแม่ทิ้งไป แม่บุญธรรมจึงเก็บมาเลี้ยงในตอนแรกนำไปให้อยู่กับพ่อแม่ของแม่บุญธรรมที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอพญาเม็งรายจังหวัดเชียงราย จนตนอายุ 7-8 ขวบแม่บุญธรรมจึงไปรับเดินทางมาอยู่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นานประมาณ 10 กว่าปีและตนได้สามี จนต่อมาแม่บุญธรรมได้ย้ายกลับจังหวัดเชียงราย ในที่ขณะตนยังอาศัยอยู่กับสามีที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และตนได้เลิกรากับสามี จึงย้ายมาอยู่อำเภอทุ่งสงจังหวัดนครศรีธรรมราช และมีสามีใหม่ เมื่อปี 2526 หรือประมาณกว่า 40 ปีมาแล้ว จนสามีใหม่เพิ่งมาเสียชีวิตเมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ตนจึงอาศัยอยู่คนเดียวมาโดยตลอด ตนไม่มีเอกสารหลักฐานใด ๆไม่รู้วันเดือนปีเกิดของตัวเองไม่รู้อายุที่แท้จริง แม้แต่ชื่อนามสกุลอย่างเป็นทางการก็ไม่มี โดยพ่อแม่บุญธรรมเรียกว่า “เดือน”และจากการประเมินคาดว่าตนจะมีอายุอยู่ระหว่าง 60-64 ปี
“ตนไม่มีบัตรประชาชนไม่มีหลักฐานใด ๆ จึงไม่ได้รับการบริการสวัสดิการของรัฐ เจ็บป่วยไข้ก็ต้อง วิ่งหายา ตามร้านขายยาทั่วไปมากิน จะเปิดบัญชีธนาคารไม่ได้ แม้แต่เช่าบ้านอยู่อาศัยก็ไม่ได้ซึ่งโชคดีที่มีคนที่รู้จักกันเป็นคนช่วยรับรองให้จึงเช่าบ้านเดือนละ 800 บาทรวมค่าน้ำค่าไฟตกเดือนละ 1,000 บาท โดยออกทำงานรับจ้างทั่วไป มีรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ พอประทังชีวิต แต่ปัญหาใหญ่คือเจ้าของบ้านได้มีการปรับปรุงบ้านใหม่ มีเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม และจะขึ้นค่าเช่าเป็นเดือนละ 2,000 บาทตนคงไม่มีปัญญาเช่าบ้านต่อในราคาดังกล่าวอย่างแน่นอน”

“ป้าเดือน”กล่าวอีกว่า ตอนนี้ตนอาศัยอยู่กับน้องหมาเพศเมีย 1 ตัว กินด้วยกันอยู่ด้วยกันนอน ด้วยกันทุกคืน ในบ้านเช่าที่ในขณะนี้เขาขึ้นค่าเช่าเป็นเดือนละ 2,000 บาทแล้ว ต้นดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือจาก สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ประธานชุมชนบ้านท่าแพเหนือ และนายกิตติ รัตนบุรี ที่ช่วยหาพื้นที่สถานะว่างเปล่า เพื่อ สร้างบ้านหลังเล็กๆให้ตนได้อยู่อาศัย ในบั้นปลายชีวิตต่อไป ต้นยากกับวิงวอนไปยัง ผู้ใจบุญ ช่วย บริจาคเงิน สมทบทุนสร้างบ้านให้สุดในครั้งนี้ด้วยจะขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ส่วนเรื่องการทำบัตรประชาชนแม้เป็นสิ่งที่ตนคาดหวังสูงสุดแต่ก็คงหมดหวัง เนื่องจากหลายปีก่อนหน้านี้ตนได้รับการติดต่อว่าให้กลับไปทำบัตรประจำตัวประชาชน จึงพยายามเก็บหอมรอมริบได้เงิน 20,000 บาทที่เดินทางไป ที่อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย แต่ไม่สามารถทำบัตรประชาชนได้เนื่องจากตนไม่มีหลักฐานการเกิดใด ๆ เพราะแม่บุญธรรมที่เก็บต้นไม้เลี้ยงไม่ได้แจ้งเกิดจะตรวจ DNA ก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงและในปัจจุบันนี้ตนไม่แน่ใจว่าแม่บุญธรรมจะเสียชีวิตไปแล้วหรือไม่ ตนจึงเดินทางกลับมาจากจังหวัดเชียงรายด้วยความผิดหวัง
สำหรับผู้ใจบุญที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ “ป้าเดือน” ติดต่อขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมและช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช โทร.081-6761299 หรือผ่านทางนายกิตติ รัตนบุรี โทร.084-216-0179 หรือที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาทุ่งสง ชื่อบัญชี นางหนูเล็ก แส่ย้วน เลขบัญชี 952 070-4396.
ไพฑูรย์ อินทศิลา/ สายัณห์ ศรีใหม่/ นครศรีธรรมราช
27 ม.ค.2568