ด่วนทะเลคลั่ง!! คลื่นยักษ์พัดถล่มตลอดแนวชายฝั่งเมืองคอนน้ำทะเลหนุนท่วมหนักชาวแหลมตะลุมพุกอพยพหนีตายจ้าละหวั่น-แกนนำชาวบ้านเรียกร้องรัฐบาลยิ่งก่อสร้างแนวคันกั้นคลื่นก่อนแหลมตะลุมพุกถูกตัดขาดจากแผ่นดินใหญ่กลายเป็นเกาะตะลุมพุกในอีก 2-3 ปี
(12 ม.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ 12 มกราคม 2568 ตลอดแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทยมีคลื่นลมแรง พัดคันโชคกระหน่ำเข้าหาฟัง และมีน้ำทะเลหนุนสูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ตำบลแหลมตะลุมพุก ,ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออกอำเภอปากพนังอย่างหนัก จนประชาชนต้องรีบขนย้ายข้าวของอพยพหนีภัยพิบัติกันจ้าละหวั่นชุลมุนวุ่นวาย นับเป็นการประสบภัยพิบัติซ้ำซ้อนหลังจากที่ก่อนหน้านี้ช่วง ปลายปี 2567 ที่ผ่านมาได้เกิดน้ำ ท่วมครั้งใหญ่ ในพื้นที่ทั้ง 23 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช และผ่านมาแค่ 10 กว่าวันก็มาเกิดภัยพิบัติน้ำทะเลหนุน ลมพายุพัดกรรโชกแรงซ้ำอีกครั้งดังกล่า วในขณะที่นายกิตติพงษ์ รองเดช นายอำเภอปากพนัง ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่นายไพโรจน์ (ไพรี) รัตนรัตน์ สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแกนนำในการเรียกร้องแนวกันกั้นคลื่นและโฉนดทะเล ได้ลงพื้นที่เพื่อร่วมช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน


นายไพโรจน์ (ไพรี) รัตนรัตน์ กล่าวว่า ปัญหาภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำทะเลหนุนและคลื่นยักษ์พัดถล่มตลอดแนวชายฝั่ง ทะเลอ่าวไทยในอำเภอปากพนัง สร้างความเสียหาย และเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่มายาวนานเกือบ 40 ปี โดยตน ได้ออกมา เรียกร้องให้รัฐบาลสร้างแนวคันกันคลื่น หรือ”เขื่อนกันคลื่น”มาโดยตลอด เพราะคลื่นได้ชัดกัดเซาะที่ดินและบ้านเรือนของชาวบ้านตลอดแนวชายฝั่งกลายเป็นทะเล ไปรวมไม่น้อยกว่า 5,000 ไร่หลายร้อยหลังคาเรือน จนช่วงระหว่างปี 2558 ถึง 2559 สื่อมวลชนโดยเฉพาะ ฆ”หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ “ได้นำสนอข่าวเกาะติดนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง จนรัฐบาล คสช. อนุมัติงบประมาณ กว่า 2 พันล้านมาสร้างแนวขันกันคลื่นตลอดแนวชายฝั่งปากพนัง-หัวไทร รวมกว่า 20 กม.ในพื้นที่ 6 ตำบล
“อย่างไรก็ตามในพื้นที่ระหว่าง ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก-ตำบลแหลมตะลุมพุกระยะทาง 8 กิโลเมตรยังไม่ได้มีการก่อสร้างแนวคันกันคลื่น เนื่องจากติดปัญหาในข้อกฎหมายและระเบียบการปฏิบัติตามกำหมายใหม่ และหากยังไม่เริ่มดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าอีก 2-3 ปี คลื่นจะพัดกระเซาะจน แหลมตะลุมพุกถูกตัดขาดจากพื้นแผ่นดินใหญ่ จากแหลมตะลุมพุกจะกลายเป็น ”เกาะตะลุมพุก”ไปโดยปริยาย จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ปัญหาและเริ่มสร้างแนวกันกันขึ้นในพื้นที่ 8 กิโลเมตรที่เหลืออย่างเร่งด่วนที่สุด”
นายไพโรจน์ (ไพรี) กล่าวอีกว่า ซึ่งจะเห็นได้ว่าในระยะทางที่มีการสร้างแนวการเคลื่อนขึ้นแล้วกว่า 20 กิโลเมตรปัญหาน้ำทะเลหนุนและคลื่นยักษ์ซัดกระเซาะหมดไป โดยที่ดินของชาวบ้านงอกกลับคืนมาเกือบทั้งหมดประชาชนที่เคยอพยพหลบหนี ไปอยู่ที่อื่น กลับมา สร้างบ้านเดือด ในพื้นที่เดิม และอยู่อาศัยกันอย่าง ปกติสุข

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในพื้นที่ตำบลปากนครอำเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ประสบปัญหา น้ำทะเลหนุนลมพัดกรรโชคอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน จนในขณะนี้ น้ำทะเลที่หนุนสูงได้ไหลบ่าเข้าท่วมถนน ทุกสาย รวมทั้งบ้านเรือนของพี่น้องประชาชน สูงกว่า ช่วงน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมาเสียอีก นายปรีชาแก้วกระจ่าง หรือกำนันชานายกเทศมนตรีตำบลปากนครได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและ ประกาศเตือนภัยให้ประชาชน ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และไอ้เร่งอพยพหลบหนีออกจากพื้นที่ อย่างเร่งด่วน

ไพฑูรย์ อินศิลา/ นครศรีธรรมราช
12 ม.ค.68