เตรียมรับมือ!! วันนี้คลื่นยักษ์พัดถล่ม”แหลมตะลุมพุก”หนักกว่าเดิมหลายเท่า-นักสู้ภาคประชาชนแกนนำชาวบ้านฟันธง 2-3 ปีแหลมตะลุมพุกกลายเป็นเกาะ
จากกรณีเกิดสถานการณ์ทะเลคลื่นลมแรงประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูงบริเวณชายฝั่งทะเล ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ 4 ตำบลได้แก่ ตำบลแหลมตะลุมพุก ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก ตำบลท่าพยา และตำบลขนาบนาก ได้รับความเดือดร้อน เส้นทางสายหลัก(สายปากพนัง – หัวไทร) , (ปากพนัง – แหลมตะลุมพุก) มีน้ำท่วมขังและเศษขยะในทะเลเกลื่อนถนน เป็นช่วง ๆ มีการช่วยเหลืออพยพประชาชนผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ในขณะที่แกนนำชาวบ้านเรียกร้องขอรัฐบาลเร่งสร้างแนวคันกั้นคลื่น ที่ยังค้างๆอีก 8 กิโลเมตรระหว่าง ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออกถึงตำบลแหลมตะลุมพุก โดยพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่ง ที่มีการก่อสร้างแนวกันกันคลื่นสมัยรัฐบาล คสช.ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง เหมือนพื้นที่ที่ไม่มีแนวกั้นคลื่น 8 กิโลเมตร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
(13 ม.ค.)นายสมชาย ลีหล้าน้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้นายกิตติพงษ์ รองเดช นายอำเภอปากพนัง บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ปลัดอำเภอ สมาชิก อส. อำเภอปากพนัง เข้าช่วยเหลือในการอพยพไปอยู่กับญาติจำนวน 2 ครัวเรือน ช่วยประชาชนเคลื่อนย้ายสิ่งของจำเป็นและทรัพยสินที่มีค่าขึ้นที่สูง และได้ประสานแขวงทางหลวง เข้ามาดูแลการจราจรรวมถึงเคลียร์พื้นที่เส้นทาง และทำความสะอาดขยะบนถนน สำหรับงานบำเพ็ญกุศลศพบ้านนางพิน แก้วขาว พื้นที่หมู่ 2 บ้านท่าเข็ญ ต.ท่าพยา อ.ปากพนังตั้งแต่วันนี้ ที่ 12 มกราคม 2568 เนื่องจากถูกน้ำทะเลหนุนเข้าท่วมพื้นที่จัดงานศพจนต้องระดมกำลังเคลื่อนย้ายโลงศพและข้าวของ ไปจัดยังสถานที่ปลอดภัยอย่างทุลักทุเล



โดยอำเภอปากพนังได้ตั้งศูนย์บัญชาการฯ ณ ห้องประชุมทับทิมสยาม ที่ว่าการอำเภอปากพนัง สำหรับจำนวนครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.ตำบลแหลมตะลุมพุก จำนวน 750 ครัวเรือน 2.ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก จำนวน 400 ครัวเรือน 3.ตำบลท่าพญา จำนวน 200 ครัวเรือน 4.ตำบลขนาบนาก จำนวน 375 ครัวเรือน รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,725 ครัวเรือน ในปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายลงในเวลา 12.30 น. และกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องด้วยเกิดจากสถานการณ์น้ำขึ้น น้ำลง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อีก 2-3 วัน
ทางด้านนายไพโรจน์ รัตนรัตน์ หรือ”นักสู้ภาคประชาชน”แกนนำชาวบ้านเรียกร้องสร้างแนวคันกั้นคลื่น กล่าวว่า สถานการณ์ในช่วงมรสุมจะเกิ น้ำทะเลหนุนและคลื่นยักษ์ชัดกัดเซาะตลอดแนวชายฝั่งอย่างรุนแรงต่อเนื่องทุกปี แต่ในจุดที่มีการสร้างแนวคันกันคลื่นสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ”รัฐบาล คสช.”แม้จะได้รับผลกระทบแต่ไม่รุนแรงมากนัก จึงอยากให้รัฐบาลวิ่ง ก่อสร้างแนวคันกันคลื่นในระยะ 8 กิโลเมตรที่เหลือ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากปล่อยสถานการณ์ในลักษณะอย่างนี้คลื่นยักษ์จะพัดกัดเซาะ และตัดขาด แหลมตะลุมพุกจากแผ่นดินใหญ่ใน 2-3 ปีอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตามสถานการณ์จะส่งผลกระทบรุนแรงในช่วง วันที่ 12 ถึง 13 มกราคมซึ่งเป็นช่วงตรงกับวันขึ้น 14-15 ค่ำในวัน ที่ 12 ตรงกับ 14 ค่ำ สถานการณ์รุนแรงขนาดนี้ในวันที่ 13 ขึ้น 15 ค่ำจะรุนแรงมากกว่า 14 ค่ำเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ นายกิตติพงษ์ รองเดช นายอำเภอปากพนัง พร้อม ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และนายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราชเจ้าของพื้นที่ ได้ระดมกำลังลงช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและทันท่วงที จนสามารถบรรเทาความเสียหายชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพน่าชื่นชม


ไพฑูรย์ อินศิลา/ นครศรีธรรมราช
13 ม.ค.68